วิธีดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ยืดอายุการใช้งานและช่วยลดค่าไฟ 544,765อ่าน 781 วิธีการดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อยากถนอมและยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของคุณให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น มาดูเคล็ดลับดี ๆ กันค่ะ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบ้าน ฉะนั้นเราจึงต้องคอยดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ ซึ่งถ้าหากใครยังไม่รู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดต้องการการดูแลรักษาอย่างไรให้ถูกวิธี วันนี้กระปุกดอทคอมมีเคล็ดลับการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านมาฝาก ถ้าหากใครอยากถนอมและยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ก็ตามมาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันได้เลย วิธีดูแลหลอดไฟ วิธีดูแลหลอดไฟ - ควรปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง - เลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับการใช้งาน - สำหรับบริเวณที่ต้องการความสว่างมาก ภายในอาคารควรเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ส่วนภายนอกอาคารควรเลือกใช้หลอดไอโซเดียม และหลอดไอปรอท - ควรใช้ฝาครอบดวงโคมแบบใสหากไม่มีปัญหาเรื่องแสงจ้า และหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ - พิจารณาใช้โคมไฟตั้งโต๊ะสำหรับงานที่ต้องการแสงสว่างจุดเดียว ทีวี วิทยุ ปิดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่ได้ดู - ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้เป็นเวลานาน - ควรเลือกใช้โคมไฟแบบสะท้อนแสงแทนแบบเดิมที่ใช้พลาสติกปิด - ควรใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ แทนหลอดไส้ ซึ่งมีคำแนะนำในการใช้ดังนี้ - หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบผอม ขนาด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ มีความสว่างเท่ากับ หลอด 20 วัตต์ และ 40 วัตต์แต่ประหยัดไฟกว่า และสามารถใช้แทนกันได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ - หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์มี 2 ชนิด คือ ชนิดมีบัลลาสต์ภายใน สามารถใช้แทนหลอดกลมแบบเกลียวได้ ส่วนหลอดที่มีบัลลาสต์ภายนอก จะมีขาเสียบเพื่อต่อกับตัวบัลลาสต์ที่อยู่ภายนอก วิธีดูแลพัดลม วิธีดูแลพัดลม - เปิดความเร็วลมพอควร - เปิดเฉพาะเวลาใช้งาน - ควรเปิดหน้าต่างใช้ลมธรรมชาติแทนถ้าทำได้ วิธีดูแลเตารีด วิธีดูแลเตารีด เตารีดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ซึ่งในการรีดแต่ละครั้งจะกินไฟมาก ดังนั้นจึงควรรู้จัดวิธีใช้อย่างประหยัดและปลอดภัย ดังนี้ - ก่อนอื่นควรตรวจสอบดูว่าเตารีดอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ เช่น สาย ตัวเครื่อง เป็นต้น - ตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า - อย่าพรมน้ำจนเปียกแฉะ - ดึงเต้าเสียบออกก่อนจะรีดเสร็จประมาณ 2-3 นาที แล้วรีดต่อไปจนเสร็จ - ควรพรมน้ำพอสมควร - ถอดปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้ - ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ - ควรเริ่มรีดผ้าบาง ๆ ก่อน ขณะเตารีดยังไม่ร้อน - ควรดึงปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จเพราะยังร้อนอีกนาน - ควรซักและตากผ้าโดยไม่ต้องบิด จะทำให้รีดง่ายขึ้น วิธีดูแลเครื่องเป่าผม วิธีดูแลเครื่องเป่าผม - เช็ดผมก่อนใช้เครื่อง เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน - ควรขยี้และสางผมไปด้วยขณะเป่า วิธีดูแลเครื่องดูดฝุ่น วิธีดูแลเครื่องดูดฝุ่น - ควรเอาฝุ่นในถุงทิ้งทุกครั้งที่ใช้แล้วจะได้มีแรงดูดดี ไม่เปลืองไฟ วิธีดูแลตู้เย็น ตู้แช่ วิธีดูแลตู้เย็น ตู้แช่ - ตั้งอุณหภูมิให้พอเหมาะ - ไม่นำของร้อนใส่ตู้เย็น - ปิดประตูตู้เย็นทันที หลังนำของเข้าและออก - ปิดประตูตู้เย็นให้สนิท - หากยางขอบประตูรั่วให้รีบแก้ไข - เลือกตู้เย็นหรือตู้แช่ชนิดมีประสิทธิภาพสูง - ควรใช้ตู้เย็นขนาดเหมาะกับครอบครัว - ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากแหล่งความร้อน ให้หลังตู้ห่างจากฝาเกิน 15 เซ็นติเมตร เพื่อระบายความร้อนได้สะดวก ไม่เปลืองไฟฟ้า - ควรหมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อน - ควรเก็บเฉพาะอาหารเท่าที่จำเป็น การเลือกซื้อตู้เย็นและตู้แช่ มีคำแนะนำให้ท่านพิจารณาก่อนซื้อ ดังนี้ - เลือกขนาดให้พอเหมาะกับความต้องการของครอบครัว - ตู้เย็นแบบประตูเดียวกินไฟน้อยกว่าแบบ 2 ประตู - ควรวางตู้เย็นให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก - ตั้งสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะกับจำนวนของที่ใส่ - อย่าเปิดตู้เย็นทิ้งไว้นาน ๆ และอย่านำของร้อนมาแช่ - หมั่นละลายน้ำแข็งเมื่อเห็นว่าน้ำแข็งเกาะหนามาก วิธีดูแลหม้อหุงข้าวไฟฟ้า วิธีดูแลหม้อหุงข้าวไฟฟ้า หากรู้จักใช้อย่างถูกต้อง จะสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มาก โดยมีข้อแนะนำดังนี้ - ควรหุงข้าวให้พอดีกับจำนวนผู้รับประทาน - ควรถอดเต้าเสียบออกเมื่อข้าวสุกแล้ว - อย่าทำให้ก้นหม้อตัวในเกิดรอยบุบ จะทำให้ข้าวสุกช้า - หมั่นตรวจบริเวณแท่นความร้อนในหม้อ อย่าให้เม็ดข้าวเกาะติด จะทำให้ข่าวสุกช้าและเปลืองไฟ - ใช้ขนาดหม้อหุงข้าวที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว - ควรดึงปลั๊กออกเมื่อข้าวสุกพอแล้ว ปัจจุบันหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามีใช้กันมาก หม้อต้มน้ำ หม้อต้มกาแฟ - ใส่น้ำให้มีปริมาณพอควร - ควรปิดฝาให้สนิทขณะต้ม - ควรปิดสวิตช์ทันทีเมื่อน้ำเดือด วิธีดูแลเครื่องสูบน้ำ วิธีดูแลเครื่องสูบน้ำ - ควรติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำในถังและหมั่นปรับตั้งให้ถูกต้องเสมอ - ติดตั้งท่อน้ำให้มีขนาดเหมาะสมกับขนาดปั้ม - ควรตรวจแก้ไขจุดรั่วในระบบน้ำ - ควรใช้น้ำอย่างประหยัด - ควรติดตั้งถังเก็บน้ำในตำแหน่งที่ไม่สูงเกินไป เครื่องสูบน้ำเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกอย่างยิ่งซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการสูบน้ำไปยังถังเก็บหรือเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งมีวิธีการใช้อย่างประหยัดดังนี้ - ควรติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำในถังเก็บ และดูแลรักษาให้ทำงานได้อยู่เสมอ - ตรวจสอบรอยรั่วตามข้อต่อต่าง ๆ หากพบควรรับซ่อมแซมแก้ไขโดยเร็ว - หากตัวถังเก็บน้ำไม่มีอุปกรณ์อัตโนมัติควบคุมระดับน้ำ ควรดูแลอย่าให้น้ำล้นถัง - เครื่องสูบน้ำแบบใช้สายพานต้องตรวจสอบไม่ให้หย่อนหรือตึงเกินไป วิธีดูแลเครื่องซักผ้า วิธีดูแลเครื่องซักผ้า - ควรใส่ผ้าแต่พอเหมาะ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากจนเกินกำลังเครื่อง - ควรใช้น้ำเย็นซักผ้า ส่วนน้ำร้อนให้ใช้เฉพาะกรณีรอยเปื้อนไขมันมาก วิธีใช้เครื่องซักผ้าให้ประหยัดไฟฟ้าควรปฏิบัติดังนี้ - ควรใส่ผ้าที่จะซักตามคำแนะนำของแต่ละเครื่อง - หากมีผ้าต้องซัก 1-2 ชิ้น ควรซักด้วยมือ - หากมีแสงแดดไม่ควรใช้เครื่องอบแห้ง ควรจะนำเสื้อผ้าที่ซักเสร็จมาตากแดด วิธีดูแลมอเตอร์ไฟฟ้า - ควรตรวจสอบแก้ไข และอัดจารบีตามวาระ - ปรับปรุงสายพานมอเตอร์ เช่น ปรับความตึงสายพาน เปลี่ยนสายพานใหม่ - พิจารณาเปลี่ยนระบบควบคุมความเร็วของมอเตอร์เป็นระบบอีเล็กทรอนิกส์ วิธีดูแลเตาอบ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ วิธีดูแลเตาอบ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ ใช้ความร้อนมาทำให้อาหารสุก หากให้ความร้อนสูญเสียไปโดยการใช้ไม่ถูกวิธี ทำให้อาหารสุกช้าลง กินกระแสไฟเพิ่มขึ้นจึงมีข้อแนะนำการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้อย่างประหยัดคือ - ควรเตรียมเครื่องปรุงในการประกอบอาหารให้พร้อมก่อนใช้เตา - ควรใช้ภาชนะก้นแบนและเป็นโลหะจะทำให้รับความร้อน จากเตาได้ดี - ในการหุ่งต้มอาหารควรใส่น้ำให้พอดีกับจำนวนอาหาร - ในระหว่างอบอาหารอย่าเปิดตู้อบบ่อย ๆ - ถอดเต้าเสียบทันทีเมื่อปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อย - ควรหรี่ไฟและปิดฝาหม้อในกรณีที่ต้องเคี่ยว - ควรเตรียมเครื่องปรุงให้พร้อมก่อนใช้เตา - ควรใช้เตาชนิดมองไม่เห็นขดลวดซึ่งไม่เสียความร้อน สูญเปล่ามาก และปลอดภัยกว่า - ควรใช้พาหนะก้นแบนขนาดพื้นที่ก้นเหมาะกับพื้นที่หน้าเตาและใช้พาหนะที่มีเนื้อโลหะรับความร้อนได้ดี หากเป็นไปได้ให้ใช้กับเตาไฟฟ้าซึ่งมีขายทั่วไปอยู่แล้ว - ควรปิดฝาภาชนะให้สนิทขณะตั้งเตา วิธีดูแลเครื่องทำน้ำอุ่น วิธีดูแลเครื่องทำน้ำอุ่น วิธีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้ประหยัดและปลอดภัย - ปรับปุ่มความร้อนให้เหมาะสมกับร่างกาย - ปิดวาล์วทันทีเมื่อไม่ใช้งาน - หากมีรอยรั่วควรรีบทำการแก้ไขทันที - ต่อสายลงดินในจุดที่จัดไว้ให้ของเครื่องทำน้ำอุ่น - ปิดสวิชต์ไฟฟ้าของเครื่องทำน้ำอุ่นเมื่อไม่ใช้ - ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่อง - ใช้เครื่องขนาดพอสมควร - ปรับปรุงความร้อนไม่ให้ร้อนเกินความจำเป็น - ปิดก๊อกทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน - ในฤดูร้อนไม่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อน หรือน้ำอุ่น - ควรใช้น้ำอุ่นที่ได้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ วิธีดูแลเครื่องปรับอากาศ วิธีดูแลเครื่องปรับอากาศ - ปิดเครื่องทุกครั้งเมื่อไม่อยู่ - ปิดประตูหน้าต่างและผ้าม่านกันความร้อนจากภายนอก - ตั้งอุณหภูมิไม่ควรต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส - ควรใช้เครื่องขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง - ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง - ควรติดตั้งเครื่องระดับสูงพอเหมาะ และให้อากาศร้อนระบายออกด้านหลังเครื่องได้สะดวก - ควรบุผนังห้อง และหลังคาด้วยฉนวนกันความร้อน - ควรบำรุงรักษาเครื่องให้มีสภาพดีตลอดเวลา - ควรหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ และแผงระบายความร้อน - ในฤดูหนาวขณะที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไป ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ - ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิดไม่ให้ความเย็นรั่วไหล - พิจารณาติดตั้งบังแสงหรือกันแดด เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่อง การใช้เครื่องปรับอากาศให้มีความเย็นที่สบายต่อร่างกาย จะประหยัดค่าไฟฟ้าอย่างได้ผล ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้ - ควรเลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง - ควรใช้ผ้าม่านกั้นประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก - ตั้งปุ่มปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อร่างกาย (ประมาณ 26 องศาเซลเซียส) - หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ - ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แนบมากับเครื่องปรับอากาศ นอกจากจะเป็นการดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นแล้ว ยังช่วยลดการใช้พลังงาน แถมได้ลดค่าไฟไปในตัวด้วย บทความที่เกี่ยวกับ วิธีดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน : - 10 วิธีประหยัดไฟในบ้าน ลดค่าไฟให้ได้ผลจริง - 8 วิธีทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำเองง่าย ๆ ไม่ต้องเรียกช่าง ขอบคุณข้อมูลจาก pea.co.th, mea.or.th และ eppo.go.th วิธีดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้ใช้ได้นาน ๆ เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้เอาไว้บ้าง เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในชีวิตประจำวันของเราเลยก็ว่าได้ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้นราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ ชิ้นหนึ่งก็ตกหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน หรือหลักหมื่นเลยทีเดียว และก็แน่นอนว่า ในเมื่อเราลงทุนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามาอำนวยความสะดวกให้ตัวเองขนาดนี้แล้ว ก็ย่อมต้องการให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ยืดระยะเวลาใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพตราบเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นเคล็ดลับดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าต่อไปนี้คงมีประโยชน์ให้คุณนำไปทำตามบ้างแน่ ๆ ค่ะ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย 1. ตู้เย็น ตามสถิติแล้วตู้เย็นมีอายุการใช้งานนานถึง 11-13 ปี แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเราเองด้วย ซึ่งเคล็ดลับใช้งานตู้เย็นได้นาน ๆ ก็ทำไม่ยาก เริ่มจากพยายามไม่แช่ของในตู้เย็นเยอะเกินไปจนล้น เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น และพังเร็วกว่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งต้องหมั่นทำความสะอาดยางขอบตู้เย็นบ่อย ๆ ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ เช็ดเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกออกไป จากนั้นก็ใช้ผ้าแห้ง หรือฟองน้ำแห้งเช็ดคราบน้ำออกอีกครั้ง สุดท้ายอย่าลืมปัดฝุ่นแผงระบายความร้อน หรือคอยล์ ซึ่งอยู่หลังตู้เย็นเป็นประจำด้วย เพื่อป้องกันฝุ่นและความสกปรกไปอุดตันแผงระบายความร้อน จนทำให้ระบายความร้อนไม่สะดวก ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของตู้เย็นถดถอยลง 2. ไมโครเวฟ ทราบไหมคะว่า ถ้าเราใช้งานไมโครเวฟดี ๆ เราก็จะมีไมโครเวฟใช้ได้นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่การใช้งานไมโครเวฟที่จะช่วยรักษาไมโครเวฟให้อยู่กับเราได้นานขนาดนั้นต้องทำอย่างไร ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ยากค่ะ เพียงแค่หมั่นทำความสะอาดไมโครเวฟอยู่เสมอแค่นั้นเอง อธิบายง่าย ๆ ก็คือ คราบสกปรกที่ติดฝังแน่นอยู่ในไมโครเวฟเป็นเวลานาน สักวันเศษอาหารเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นคาร์บอน บ่อนทำลายวงจรไฟฟ้าในไมโครเวฟให้เสียหาย ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ต้องหมั่นดูแลความสะอาดให้ไมโครเวฟกันด้วย ซึ่งคุณสามารถทำได้โดยนำถ้วยแก้วใสน้ำสะอาด (ผสมมะนาวลงไปด้วยก็ได้ เพื่อกำจัดกลิ่นเหม็น) จากนั้นก็นำไปอุ่นในไมโครเวฟสัก 2-3 นาที ให้ไอน้ำระเหยออกมาสลายคราบสกปรกที่ติดฝังแน่น ทีนี้ก็ใช้ผ้าชุบน้ำ หรือฟองน้ำเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งก็เรียบร้อย 3. เตาไฟฟ้า เคล็ดลับใช้งานเตาไฟฟ้าให้ได้นานถึง 10 ปี ยังคงวนเวียนอยู่ที่เรื่องของความสะอาด เพราะอย่างที่บอกว่า คราบสกปรก และเศษอาหารจะเป็นอุปสรรคของการทำงานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ แถมบางทียังแทรกซ้อนลงไปในแผงวงจร ทำให้เตาไฟฟ้าทำงานติดขัดอีกต่างหาก ฉะนั้นอย่าได้ปล่อยให้เตาไฟฟ้ามีคราบสกปรกเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องทำความสะอาดเตาไฟฟ้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นอย่างต่ำ โดยเฉพาะบริเวณที่จุดไฟ ซึ่งต้องใช้น้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานบาง ๆ เช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ 4. เตาแก๊ส ถ้าลองสังเกตดูดี ๆ เราอาจจะเห็นว่า บริเวณขดลวดทำความร้อนของเตาแก๊ส มักจะมีเศษอาหารที่ไหม้ดำติดฝังแน่นอยู่ และนี่แหละต้นเหตุที่ทำให้เตาแก๊สขัดข้องอยู่บ่อย ๆ เปิดไม่ติดบ้าง หรือไฟลุกท่วม เป็นต้น ดังนั้นทางที่ดีหมั่นทำความสะอาดเตาแก๊สทุกครั้งหลังใช้งานไปเลยดีกว่า ยิ่งกับบริเวณหน้าเตา ปุ่มเปิด-ปิด ซึ่งควรต้องใช้น้ำสบู่อุ่น ๆ เช็ดทำความสะอาดให้หมดจด ส่วนขดลวดทำความร้อนต้องหมั่นตรวจสอบเศษอาหาร และสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ด้วยค่ะ วิธีดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ใช้ได้นาน ๆ 5. แอร์ จริง ๆ แล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์มีอายุการใช้งานนาน 10-15 ปีโดยประมาณ แต่ทั้งนี้ก็ต้องหมั่นดูแลแอร์อยู่เสมอ ด้วยการถอดฟิลเตอร์แอร์ออกมาล้างทุก ๆ 225-360 ชั่วโมง หรือประมาณทุก ๆ 15 วัน ในกรณีที่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดอาการอุดตัน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์ให้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ระดับอุณหภูมิของแอร์ก็สำคัญเช่นกัน ถ้าอยากใช้แอร์ไปได้นาน ๆ ก็ควรเปิดอุณหภูมิไม่ให้ต่ำเกิน 25 องศาเซลเซียสด้วย 6. เครื่องล้างจาน สำหรับบ้านไหนที่ใช้เครื่องล้างจานอำนวยความสะดวก ถ้าอยากใช้งานเครื่องล้างจานนานตลอด 10 ปี ก็ต้องดูแลความสะอาดประตูเครื่องล้างจาน รวมถึงฐานด้านล่างของเครื่องล้างจานด้วย เพื่อเป็นการป้องกันรอยรั่ว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องล้างจานพังเร็วนั่นเอง 7. เครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้าถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นสำคัญในบ้านเลยทีเดียว และเวลาที่เครื่องซักผ้าชำรุดที ก็กุมขมับกันเป็นแถว ๆ แต่ถ้าคุณดูแลเครื่องซักผ้าดี ๆ ไม่โหมใส่ผ้าเยอะเกินจำนวนที่กำหนด รวมทั้งหมั่นตรวจสอบสภาพการใช้งานของสายยางระบายน้ำอยู่เสมอด้วย เช่น หากพบว่าสายยางเริ่มเปราะขาด ก็ต้องรีบซื้อสายยางมาเปลี่ยนใหม่ ไม่อย่างนั้นน้ำในเครื่องซักผ้าจะเอ่อล้นท่วม เสี่ยงต่อวงจรไฟฟ้าของเครื่องซักผ้าน่าดูเลยล่ะ และถ้าเป็นอย่างนั้นก็การันตีได้เลยว่า เครื่องซักผ้าจะอยู่ให้คุณใช้งานได้ไม่ถึง 10 ปีแน่ ๆ 8. เครื่องอบผ้า เครื่องอบผ้า และเครื่องซักผ้ามีอายุการใช้งานนานพอ ๆ กัน และถ้าอยากใช้งานเครื่องอบผ้านานขนาดนั้น ก็ต้องดูแลรักษากันหน่อย ด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างไม่ใส่ผ้าเยอะเกินไป ทำความสะอาดถุงกรองทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อให้เครื่องอบผ้าสะอาดโล่ง และทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น จะว่าไปเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นก็มีความสำคัญกับบ้านเราเท่า ๆ กันหมด ดังนั้นหากมีวิธีที่จะช่วยให้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าไปได้นาน ๆ ก็น่าจะดีไม่น้อย ได้รู้วิธีกันแล้วก็อย่าลืมหมั่นดูแลรักษานะจ๊ะ เคล็ดลับ การเขียนแผนงานซ่อมบำรุง อย่างง่าย ครบ จบในที่เดียว สารบัญ [ซ่อน] เคล็ดลับ การเขียนแผนงานซ่อมบำรุง อย่างง่าย ครบ จบในที่เดียว 3. กำหนดรายการที่ต้องทำในการซ่อมบำรุง 4. กำหนดความถี่ในการซ่อมบำรุง 5. จัดทำรายงานการตรวจเช็ค/รายงานซ่อมบำรุง เพื่อใช้สำหรับตรวจเช็คงานซ่อมบำรุง จากบทความ สร้างแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกันสำหรับเครื่องจักร ทำอย่างไร ? เพื่อนๆ ได้ทราบถึงขั้นตอนการเตรียม ข้อมูลสำหรับการจัดทำระบบการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) หรือ “ระบบ PM” กันไปแล้ว ทั้งในหัวข้อที่ 1. การรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเครื่องจักรในไลน์การผลิต/โรงงาน และ หัวข้อที่ 2.วิธีการในการกำหนด Rank เครื่องจักร ว่ามีความสำคัญอย่างไร และจะต้องทำขั้นตอนใดบ้าง วันนี้เราจะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมมาก่อนหน้านี้ มาใช้ในการจัดทำระบบงานซ่อมบำรุงในหัวข้อที่ 3 ถึง 5 ซึ่งเป็นส่วนของการเขียนแผนงานซ่อมบำรุงกันครับ 3. กำหนดรายการที่ต้องทำในการซ่อมบำรุง เมื่อเพื่อนๆ ทราบถึงเครื่องจักรตัวไหน คือ เครื่องจักรที่จะต้องให้ความสำคัญในการดูแลเป็นพิเศษแล้ว สิ่งที่จะต้องทำอย่างถัดไปนั้น ก็คือ การระบุงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงเครื่องจักรนั้น ซึ่งวัตถุประสงค์หลักในขั้นตอนนี้ คือ การเตรียมความพร้อมให้การซ่อมแต่ละขั้นตอนเกิดความรวดเร็วและได้ตามมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น หากทีมงานต้องการเปลี่ยนลวดฮีตเตอร์ของเครื่องจักรซีลถุง ในการกำหนดแผนรายการซ่อมบำรุงนี้ ไม่เพียงแค่ระบุว่า ใช้ลวดขนาดเท่าไหร่และยี่ห้ออะไร แต่ควรระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้การวางแผนเป็นไปอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ใช้ทีมงานกี่คน, ใช้อุปกรณ์อะไรเป็นพิเศษ และต้องไม่ลืมตรวจเช็คจำนวนอะไหล่สำรองด้วยว่าเหลือเพียงพอหรือไม่สำหรับการซ่อมในครั้งถัดไป ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสามารถสะท้อนถึงต้นทุนในการซ่อมบำรุงของเครื่องจักรเครื่องนั้นได้เป็นอย่างดี 3. กำหนดรายการที่ต้องทำในการซ่อมบำรุง โดยส่วนมาก รายการซ่อมบำรุงเหล่านี้จะถูกรวบรวมไว้ใน “คู่มือการใช้งานเครื่องจักร” ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คโปรแกรมต่างๆ ตามระยะเวลาการใช้งานเครื่อง , การเปลี่ยนอะไหล่, การทำ Major-Minor Overhaul, การสอบเทียบเครื่องมือ/อุปกรณ์ ฯลฯ 4. กำหนดความถี่ในการซ่อมบำรุง หลังจากทราบหัวข้อที่จะต้องซ่อมแล้ว สิ่งสำคัญอย่างถัดไปที่จะต้องถูกระบุในการจัดทำระบบการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ก็คือ การนำหัวข้อรายการซ่อมบำรุงเหล่านั้นมากำหนดเวลาและจัดทำเป็น “แผนงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร” หรือ “ปฏิทินปฏิบัติงาน” เพื่อใช้ในการแจกจ่ายงานให้กับทีมงาน ซึ่งความถี่ในการซ่อมเหล่านี้ โดยส่วนมากในก็จะถูกระบุไว้ใน “คู่มือการใช้งานเครื่องจักร” ซึ่งจะมีทั้งบอกแบบเป็นจำนวนวันและบอกเป็นชั่วโมงการใช้งาน เช่น ชิ้นส่วนของเครื่องจักรบางชนิดมีระยะเวลาในการ 1000 ช.ม. หากโรงงานทำงานวันละ 8 ช.ม. สัปดาห์ละ 5 วัน ก็จะทำให้มีอายุการใช้งานราวๆ 6 เดือน ทำให้วิศวกรสามารถพิจารณาวางแผนเปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าวก่อนที่จะครบกำหนดได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 4. กำหนดความถี่ในการซ่อมบำรุง จากรูป จะเห็นได้ว่า มีบางงานซ้อนกันในวันเดียว ซึ่งการจัดทำ “แผนงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร” นอกจากการช่วยให้วิศวกร/หัวหน้างานสามารถวางแผนและจัดสรรทีมงานไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมในด้านของการวางแผนการจัดส่งอะไหล่ที่ไม่ได้เก็บไว้ในสต็อค ทำให้สามารถเรียกใช้งานอะไหล่ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และปัญหาที่เกิดจากการสึกหรอเมื่อเก็บไว้เป็นเวลานาน 5. จัดทำรายงานการตรวจเช็ค/รายงานซ่อมบำรุง เพื่อใช้สำหรับตรวจเช็คงานซ่อมบำรุง ในหลายๆ ครั้ง ในสมัยที่ผมเพิ่งเข้าทำงานใหม่ๆ ได้พบกับปัญหาว่า แผนการซ่อมบำรุงไม่ดำเนินไปตามปฏิทินปฏิบัติงาน เนื่องจากช่างไม่ได้ตรวจเช็ค/ซ่อมแซมอุปกรณ์บางอย่างด้วยเหตุผลของความไม่รู้/ลืม ดังนั้นเอกสารอีกตัวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้แผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเป็นไปตามกำหนดการ นั่นคือ “รายงานการตรวจเช็ค/รายงานซ่อมบำรุง” หรือ “Checklist” นั่นเอง ซึ่งเป็นเอกสารที่จะถูกเขียนขึ้นภายหลังการซ่อมเสร็จสิ้น จะใช้เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยต่างๆ ของแผนงาน Checklist นี้ไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันช่างหน้างานที่เหน็ดเหนื่อยกับงานจนลืมกระบวนการบางอย่างในแผนงานซ่อมบำรุง แต่ยังจะถูกนำมาบันทึกทำเป็นประวัติเครื่องจักรซึ่ง จะมีส่วนช่วยให้วิศวกร/หัวหน้างานสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักรได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น งานตรวจวัดความสั่นสะเทือนของมอเตอร์สายพาน ในตอนต้นเดือน ทีมช่างได้ทำการวัดค่าการสั่นสะเทือนของมอเตอร์และได้ผลลัพธ์ค่าหนึ่ง ต่อมาในช่วงกลางเดือน ค่าการสั่นสะเทือนของมอเตอร์ตัวนั้นกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วิศวกร/หัวหน้าช่างสามารถคาดการณ์ได้ว่า มอเตอร์ตัวดังกล่าวอาจจะเกิดความผิดปกติบางอย่าง จากข้อมูลชุดนี้ทำให้สามารถวางแผนและจัดเตรียมทีมงานเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดในครั้งถัดดไปได้อย่างทันถ่วงที และและดำเนินการซ่อมแซมอย่างเหมาะสมก่อนที่จะเกิดความเสียหาย (Breakdown) 5. จัดทำรายงานการตรวจเช็ค/รายงานซ่อมบำรุง เพื่อใช้สำหรับตรวจเช็คงานซ่อมบำรุง “รายงานการตรวจเช็ค” สามารถอ้างอิงจากใน “คู่มือการใช้งานเครื่องจักร” มาเขียนก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุด คือการรวมทีมช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักรนั้นๆ มาช่วยกันจัดทำ เพราะในหลายๆ ครั้ง ประสบการณ์ของช่างหน้างานก็เป็นสิ่งที่ช่วยในการระบุปัญหาต่างๆ และช่วยหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการซ่อมบำรุงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าขั้นตอนในการเขียนแผนงานซ่อมบำรุงนี้ เป็นอีกขั้นตอนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการจัดทำระบบบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ไม่เพียงทำให้ทีมงานซ่อมบำรุงทราบว่า จะมีแผนการดำเนินงานต่างๆ ในวันไหน แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งการจัดสรรกำลังคน, การเตรียมเครื่องมือ/อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง, การจัดหาอะไหล่, วิธีการปฏิบัติงาน ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่ดีและเป็นระบบระเบียบตั้งแต่ขั้นตอนแรก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการกำหนด Rank เครื่องจักร เป็นต้นมา ในบทความถัดไป เราจะมาพูดถึงหัวข้อที่ 6 ถึง 7 ซึ่งเป็นขั้นตอนในการดำเนินงานภายหลังการทำ PM เพื่อปรับปรุงแผนงานซ่อมบำรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด กันครับ Tags : บำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventing Maintenance) 10 ข้อแนะนำในการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ โดย varietypc -มกราคม 27, 201306255 FacebookTwitterEmail อุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั้นประกอบขึ้นมาจากชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมากมาย ซึ่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชิ้นนั้น ล้วนแต่บอบบางและต้องการการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยยืดอายุการทำงานของเครื่องให้ได้ยาวนานที่สุด 77901 ข้อควรปฏิบัติสำหรับการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ มีดังนี้ครับ 1. ไม่ควรตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ใกล้กับหน้าต่างที่มีแสงแดดและฝนสามารถเข้าถึงได้ 2. ไม่ควรตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิร้อนจัด 3. ไม่ควรเปิดฝาเคสทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น 4.ไม่ควรวางจอมอนิเตอร์ไว้ใกล้กับแหล่งที่มีสนามแม่เหล็ก หรือห้ามนำเอาแม่เหล็กมาไว้ใกล้ๆกับหน้าจอมอนิเตอร์ 5. ไม่ควรใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะที่สภาพอากาศมีฝนตกฟ้าร้อง ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรต่อไว้กับเครื่องสำรองไฟ (UPS) 6. ไม่ควรเปิดเครื่องทิ้งไว้เป็นเวลานานๆขณะที่เราไม่ได้ใช้งาน 7. ควรเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงาน เพื่อกำหนดสถานะการใช้งานต่างๆเช่น กำหนดว่าถ้าไม่มีการตอบสนองใดๆกับคีย์บอร์ดหรือเมาส์เป็นระยะเวลาหนึ่ง ให้ปิดหน้าจอ หรือเข้าโหมด Standby เพื่อถนอมอายุการใช้งานของเครื่อง 8. ไม่ควรวางแก้วน้ำไว้ใกล้กับบริเวณที่เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ 9. ไม่ควรปิดเครื่องโดยกดที่ปุ่มเพาเวอร์ แต่ควรใช้คำสั่งปิด (Shutdown/Turn Off) ผ่านระบบ Windows แทน 10. ควรใช้อุปกรณ์ที่ช่วยในการสำรองกระแสไฟฟ้าและรักษาระดับของแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ เช่น UPS เป็นต้น (ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากๆครับ) ความสำคัญของการบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคาร 23 ก.ย. การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคารและการบํารุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารมีความสำคัญหรือไม่ ถือได้ว่ามีความสำคัญมากๆ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคารอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารด้วย เนื่องจากมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจําปี ตามกฎกระทรวง ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าปี พ.ศ. 2558 มาตรฐานสากลได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการต่างๆ ว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ระบบไฟฟ้าเกิดความขัดข้องในขณะที่กำลังทำการจ่ายกระแสไฟฟ้าอยู่ หากเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับกะทันหันหรือเกิดการขัดข้องระหว่างกระบวนการผลิต อาจสร้างความเสียหายอย่างมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจระบบไฟฟ้าให้มีความพร้อมใช้งานอยู่เสมอ การตรวจระบบไฟฟ้ากฎหมายในประเทศไทยได้มีการกำหนดให้นายจ้างต้องตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปีตามประกาศของกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน การตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในอาคารจะนำไปสู่การบํารุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารและจำเป็นต้องจัดทำรายงานผลการตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี โดยให้วิศวกรไฟฟ้าออกรายงานรับรองตามแบบที่กฎหมายได้กำหนด การตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยวิศวกรต้องทำการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น ตู้ควบคุมไฟฟ้า ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า ตู้เมนสวิทช์ตู้ควบคุมไฟฟ้าย่อยและอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบไฟฟ้า ในปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสอบระบบไฟฟ้าด้วยการถ่ายเทความร้อน ทำให้ทราบถึงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงวางแผนการซ่อมบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารก่อนเกิดการเบรกดาวน์ในระบบไฟฟ้าด้วย นอกจากการตรวจสอบระบบไฟฟ้าแล้วก็จำเป็นต้องมีการบํารุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารด้วย การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าหรือเรียกว่าการ PM (Preventive Maintenance) สาเหตุที่ต้องมีการ PM ก็เพื่อลดการเกิดเหตุการณ์ระบบไฟฟ้าหยุดชะงักกะทันหันในระหว่างเดินกระบวนการผลิต การทำ PM เป็นการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าให้คืนสู่สภาพพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญของการบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบไฟฟ้าในอาคาร การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารโดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 5 แบบ 1.บำรุงรักษาโดยรวม (Total Productive Maintenance) 2.บำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) 3.บำรุงรักษาเชิงแก้ไข (Corrective Maintenance) 4.บำรุงรักษาทวีผล (Productive Maintenance) 5.ซ่อมแซมหลังเกิดเหตุขัดข้อง (Breakdown Maintenance) Engineersoft ผู้ให้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า อันดับ 1 การตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปีหรือการบํารุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารจะต้องดำเนินการโดยวิศวกรมืออาชีพ ปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการรับตรวจสอบระบบไฟฟ้าและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคาร ซึ่งได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมประเภทนิติบุคคลและได้รับมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001 Engineersoft ผู้ให้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคาร (PM) ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าด้วยทีมงานวิศวกรมืออาชีพ พร้อมด้วยอุปกรณ์การทำงานที่ทันสมัย ออกรายงานรับรองโดยวิศวกรตามที่กฎหมายกำหนด Engineersoft ให้บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า 5 รายการสำคัญ ได้แก่ ตู้เมนสวิตซ์ การติดตั้งเครื่องปลดวงจรต้นทาง หม้อแปลง ระบบแรงสูงและแรงต่ำภายในอาคาร โดยเฉพาะการตรวจสอบหม้อแปลง ที่ต้องอาศัยทีมงานมืออาชีพหรือวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งตัวถังหม้อแปลง การต่อลงดินของส่วนที่เป็นโลหะเปิดโล่ง สารดูดความชื้น เสาหม้อแปลง การปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมหรือซ่อมบำรุง ตรวจสอบสภาพหม้อแปลงและการติดตั้งอื่นๆ รวมถึงพื้นลานหม้อแปลงและป้ายเตือนอันตรายต่างๆ ด้วย Engineersoft ให้บริการตรวจระบบไฟฟ้าประจำปีและบริการการบํารุงรักษาระบบไฟฟ้าในอาคารในราคาไม่แพง พร้อมมีโปรโมชั่นส่วนลดตามเทศกาลต่างๆ ด้วย